เลือกวิธีวัดค่าแสงของกล้อง

ระบบวัดแสงจะกำหนดการวัดค่าแสงของกล้อง เลือกวิธีการที่ใช้และพื้นที่ที่จะวัดแสงเมื่อกล้องจะวัดค่าแสง

ตัวเลือก

คำอธิบาย

L

[วัดแสงเฉลี่ยทั้งภาพ]

ให้ภาพที่เป็นธรรมชาติในสถานการณ์ส่วนใหญ่ กล้องจะวัดแสงเป็นบริเวณกว้างในกรอบภาพแล้วตั้งค่าแสงตามการกระจายโทนสี, สี, องค์ประกอบภาพ และระยะห่างเพื่อผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับภาพที่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า

M

[ วัดแสงเน้นกลางภาพ]

กล้องจะวัดแสงทั้งกรอบภาพแต่จะกำหนดน้ำหนักมากที่สุดที่กลางภาพ เลือกสำหรับภาพที่วัตถุหลักใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ที่กึ่งกลางกรอบภาพ

  • แนะนำให้ใช้ [วัดแสงเน้นกลางภาพ] เมื่อใช้ฟิลเตอร์ร่วมกับปัจจัยกำหนดค่าแสง (องค์ประกอบจากฟิลเตอร์) เกิน 1 เท่า

  • ขนาดของพื้นที่ที่กำหนดน้ำหนักมากที่สุดสามารถเลือกได้โดยใช้การตั้งค่าแบบกำหนดเอง b6 [บริเวณที่เน้นกลางภาพ] หากติดตั้งเลนส์ชนิดไม่มี CPU หรือ AF‑S เลนส์ฟิชอาย NIKKOR 8–15mm f/3.5–4.5E ED ไว้ กล้องจะใช้พื้นที่เทียบเท่ากับวงกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 12 มม.

N

[ วัดแสงเฉพาะจุด]

กล้องจะวัดแสงพื้นที่วงกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 4 มม. (เทียบเท่าประมาณ 1.5% ของกรอบภาพ)   ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าวัตถุจะได้รับค่าแสงที่ถูกต้อง แม้ว่าพื้นหลังมีแสงจ้ากว่าหรือมืดกว่าอย่างมาก พื้นที่ที่ถูกวัดแสงจะอยู่กึ่งกลางของจุดโฟกัสปัจจุบัน โปรดทราบว่า อย่างไรก็ตาม กล้องจะวัดแสงที่จุดโฟกัสกึ่งกลางหาก:

  • เลือก [AF แบบเลือกพื้นที่โฟกัสอัตโนมัติ], [AF แบบเลือกพื้นที่โฟกัสเป็นกลุ่ม (C1)] หรือ [AF แบบเลือกพื้นที่โฟกัสเป็นกลุ่ม (C2)] ไว้สำหรับโหมดพื้นที่ AF หรือ

  • ติดตั้งเลนส์ชนิดไม่มี CPU หรือ AF‑S เลนส์ฟิชอาย NIKKOR 8–15mm f/3.5–4.5E ED ไว้

t

[ระบบวัดแสงที่เน้นไฮไลท์]

กล้องจะกำหนดเน้นน้ำหนักมากที่สุดในส่วนที่ไฮไลท์ ใช้ตัวเลือกนี้เพื่อลดการสูญเสียรายละเอียดในส่วนที่ไฮไลท์ เช่น เมื่อถ่ายภาพที่มีแสงบนเวที

การเลือกตัวเลือกระบบวัดแสง

กดปุ่ม Y ค้างไว้แล้วหมุนแป้นหมุนเลือกคำสั่งหลัก ตัวเลือกที่เลือกไว้จะปรากฏขึ้นในช่องมองภาพและแผงควบคุมด้านบน

[วัดแสงเฉลี่ยทั้งภาพ] และชนิดของเลนส์

วิธีการวัดแสงที่ใช้เมื่อเลือกวัดแสงเฉลี่ยทั้งภาพไว้จะแตกต่างกันไปตามเลนส์

  • เลนส์ CPU:

    • ระบบวัดแสงเฉลี่ยทั้งภาพแบบสี 3 มิติ III: สามารถใช้ได้กับเลนส์ CPU ชนิด D, E และ G กล้องจะรวมข้อมูลระยะห่างเข้าไปด้วยเมื่อคำนวณค่าแสง

    • ระบบวัดแสงเฉลี่ยทั้งภาพสี III: สามารถใช้ได้กับเลนส์ CPU ชนิดอื่นที่ไม่ใช่ D, E และ G ไม่รวมข้อมูลระยะห่างเข้าไปด้วย

  • เลนส์ชนิดไม่มี CPU:

    • ระบบวัดแสงเฉลี่ยทั้งภาพสีจะใช้ได้หากมีข้อมูลเลนส์โดยใช้ตัวเลือก [ข้อมูลเลนส์ที่ไม่มี CPU] ในเมนูตั้งค่า จะใช้ [วัดแสงเน้นกลางภาพ] หากไม่มีข้อมูลเลนส์

[ระบบวัดแสงที่เน้นไฮไลท์] และชนิดของเลนส์

จะใช้ [วัดแสงเน้นกลางภาพ] หากเลือก [ระบบวัดแสงที่เน้นไฮไลท์] ไว้เมื่อติดตั้งเลนส์ชนิดไม่มี CPU และเลนส์ CPU บางตัว (เลนส์ AI-P NIKKOR และเลนส์ AF ชนิดอื่นที่ไม่ใช่ D, E หรือ G)

การเลือกโหมดการถ่ายภาพ

ในการเลือกโหมดการถ่ายภาพ ให้กดปุ่ม I ค้างไว้แล้วหมุนแป้นหมุนเลือกคำสั่งหลัก ตัวเลือกที่เลือกไว้จะแสดงในแผงควบคุมด้านบน

โหมด

คำอธิบาย

P

โปรแกรมอัตโนมัติ ( P (โปรแกรมอัตโนมัติ) )

ใช้สำหรับการถ่ายภาพทั่วไปและในกรณีที่มีเวลาน้อยในการปรับตั้งค่ากล้อง กล้องจะเลือกทั้งค่าความไวชัตเตอร์และรูรับแสงโดยอัตโนมัติ

S

อัตโนมัติปรับชัตเตอร์เอง ( S (อัตโนมัติปรับชัตเตอร์เอง) )

ใช้เพื่อหยุดหรือเบลอการเคลื่อนไหว ท่านเลือกความไวชัตเตอร์; กล้องจะปรับค่ารูรับแสงโดยอัตโนมัติ

A

อัตโนมัติปรับรูรับแสง ( A (อัตโนมัติปรับรูรับแสง) )

ใช้เพื่อทำให้พื้นหลังเบลอหรือให้ทั้งพื้นหน้าและพื้นหลังอยู่ในระยะโฟกัส ท่านเลือกค่ารูรับแสง; กล้องจะปรับความไวชัตเตอร์โดยอัตโนมัติ

M

ปรับเอง ( M (ปรับเอง) )

ท่านควบคุมได้เองทั้งความไวชัตเตอร์และรูรับแสง เลือกความไวชัตเตอร์เป็น “Bulb” (การเปิดชัตเตอร์ค้าง) หรือ “Time” (เวลา) เพื่อการเปิดรับแสงเป็นเวลานาน

ชนิดของเลนส์
  • เมื่อใช้เลนส์ CPU ชนิดอื่นที่ไม่ใช่ G หรือ E ให้ล็อควงแหวนปรับรูรับแสงไว้ที่รูรับแสงแคบสุด (ค่ารูรับแสงสูงสุด)

  • โหมด A จะถูกเลือกโดยอัตโนมัติหากติดตั้งเลนส์ชนิดไม่มี CPU ในโหมด P หรือ S

P (โปรแกรมอัตโนมัติ)

ในโหมดนี้ กล้องจะปรับความไวชัตเตอร์และรูรับแสงโดยอัตโนมัติตามโปรแกรมในกล้องเพื่อให้ได้ค่าแสงที่ดีที่สุดในสถานการณ์ส่วนใหญ่ ท่านยังมีตัวเลือกในการเลือกความไวชัตเตอร์และรูรับแสงที่ต่างกันโดยไม่กระทบต่อค่าแสง (“โปรแกรมแบบยืดหยุ่น”)

โปรแกรมแบบยืดหยุ่น

โหมด P จะมี “โปรแกรมแบบยืดหยุ่น” ซึ่งแม้ว่ากล้องจะเลือกค่าความไวชัตเตอร์และรูรับแสงแรกเริ่ม แป้นหมุนเลือกคำสั่งหลักสามารถ (ขณะตั้งเวลาสแตนด์บายเปิดอยู่) หมุนเพื่อเลือกชุดการตั้งค่าที่แตกต่างกันโดยไม่กระทบต่อค่าแสงจากค่าที่กล้องเลือก ขณะใช้งานโปรแกรมแบบยืดหยุ่น สัญลักษณ์โปรแกรมแบบยืดหยุ่น (“U”) จะปรากฏในช่องมองภาพและแผงควบคุมด้านบน

  • หากต้องการเรียกคืนค่าความไวชัตเตอร์และรูรับแสงที่ตั้งมาจากโรงงาน ให้หมุนแป้นหมุนจนกระทั่งสัญลักษณ์โปรแกรมแบบยืดหยุ่นหายไป ค่าความไวชัตเตอร์และรูรับแสงที่ตั้งมาจากโรงงานจะถูกเรียกคืนเช่นกันเมื่อท่านปิดกล้องหรือเลือกโหมดอื่น

S (อัตโนมัติปรับชัตเตอร์เอง)

ในโหมดอัตโนมัติปรับชัตเตอร์เอง ท่านสามารถเลือกความไวชัตเตอร์ขณะที่กล้องปรับรูรับแสงโดยอัตโนมัติเพื่อให้ได้ค่าแสงที่ดีที่สุด เลือกความไวชัตเตอร์สูงเพื่อ “หยุด” การเคลื่อนไหว ความไวชัตเตอร์ต่ำเพื่อทำให้เกิดการเคลื่อนไหวโดยการเบลอวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่ ในการเลือกความไวชัตเตอร์ ให้หมุนแป้นหมุนเลือกคำสั่งหลักขณะที่ระบบวัดแสงทำงาน

  • สามารถตั้งค่าความไวชัตเตอร์เป็น “p” หรือเป็นค่าระหว่าง 1/8000 วินาที (o) และ 30 วินาที (q)

  • สามารถล็อคความไวชัตเตอร์เป็นค่าที่เลือกไว้ได้ ( ล็อคความไวชัตเตอร์และรูรับแสง )

A (อัตโนมัติปรับรูรับแสง)

ในโหมดอัตโนมัติปรับรูรับแสง ท่านสามารถเลือกค่ารูรับแสงขณะที่กล้องปรับความไวชัตเตอร์โดยอัตโนมัติเพื่อให้ได้ค่าแสงที่ดีที่สุด ในการปรับรูรับแสง ให้หมุนแป้นหมุนเลือกคำสั่งย่อยขณะที่ระบบวัดแสงทำงาน

เลนส์ชนิดไม่มี CPU

หากเมื่อใช้เลนส์ชนิดไม่มี CPU ท่านป้อนค่ารูรับแสงสูงสุดโดยใช้รายการ [ข้อมูลเลนส์ที่ไม่มี CPU] ในเมนูตั้งค่า ค่ารูรับแสงปัจจุบันจะแสดงขึ้นในช่องมองภาพและแผงควบคุมด้านบน ใช้วงแหวนปรับรูรับแสงของเลนส์เพื่อปรับรูรับแสง แม้ว่าสามารถเลือกค่าอื่นๆ ได้ ค่าที่แสดงในหน้าจอจะถูกปัดเป็นค่ารูรับแสงแบบเต็มที่ใกล้ที่สุด

  • หากท่านไม่ได้ระบุค่ารูรับแสงสูงสุด ค่ารูรับแสงที่แสดงในช่องมองภาพและแผงควบคุมด้านบนจะแสดงเฉพาะจำนวนสต็อป (F, โดยค่ารูรับแสงสูงสุดจะแสดงเป็น F0) และจะต้องอ่านค่ารูรับแสงจากวงแหวนปรับรูรับแสงของเลนส์

การแสดงระยะชัดลึก

รูรับแสงสามารถลดสต็อปลงได้โดยการกดปุ่ม Pv ค้างไว้ ระยะชัดลึก (ช่วงของระยะทางที่ปรากฏว่าอยู่ในโฟกัส) สามารถดูตัวอย่างได้ในช่องมองภาพ

M (ปรับเอง)

ท่านควบคุมได้เองทั้งความไวชัตเตอร์และรูรับแสง เลือกโหมดนี้สำหรับการเปิดรับแสงเป็นเวลานานของวัตถุ เช่น ดอกไม้ไฟหรือท้องฟ้าตอนกลางคืน (การถ่ายภาพ “Bulb” (การเปิดชัตเตอร์ค้าง) หรือ “Time” (เวลา), การเปิดรับแสงเป็นเวลานาน (โหมด M เท่านั้น) ) สามารถปรับความไวชัตเตอร์และรูรับแสงโดยอ้างอิงกับสัญลักษณ์แสดงค่าแสงโดยหมุนแป้นหมุนเลือกคำสั่งดังต่อไปนี้ขณะที่เปิดใช้การตั้งเวลาสแตนด์บาย:

  • หมุนแป้นหมุนเลือกคำสั่งหลักเพื่อเลือกความไวชัตเตอร์ สามารถตั้งความไวชัตเตอร์เป็นค่าระหว่าง 1/8000 วินาที (o) และ 30 วินาที (q) เป็น A (“Bulb” (การเปิดชัตเตอร์ค้าง)) หรือ % (“Time” (เวลา)) หรือเป็น p

  • สามารถปรับรูรับแสงได้โดยหมุนแป้นหมุนเลือกคำสั่งย่อย

  • ค่ารูรับแสงต่ำสุดและสูงสุดจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับเลนส์

  • สามารถล็อคความไวชัตเตอร์และรูรับแสงเป็นค่าที่เลือกไว้ได้ ( ล็อคความไวชัตเตอร์และรูรับแสง )

รูรับแสง:

ความไวชัตเตอร์:

เพิ่มช่วงความไวชัตเตอร์ต่ำสุด

สำหรับความไวชัตเตอร์ต่ำสุดที่ 900 วินาที (15 นาที) ให้เลือก [เปิด] สำหรับการตั้งค่าแบบกำหนดเอง d7 [เพิ่มช่วงความไวชัตเตอร์ต่ำสุด (M)]

เลนส์ AF Micro NIKKOR

ผู้ใช้ระบบวัดแสงภายนอกไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงอัตราส่วนค่าแสงเมื่อทำการปรับรูรับแสงผ่านแป้นหมุนเลือกคำสั่งย่อย อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้จะต้องพิจารณาอัตราส่วนค่าแสงเมื่อใช้วงแหวนปรับรูรับแสงของเลนส์

สัญลักษณ์แสดงค่าแสง

สัญลักษณ์แสดงค่าแสงในช่องมองภาพและแผงควบคุมด้านบนจะแสดงว่าภาพมีแสงน้อยเกินไปหรือมากเกินไปเมื่อใช้การตั้งค่าในขณะนั้น สัญลักษณ์แสดงค่าแสงสามารถอ่านได้ดังต่อไปนี้ (จอแสดงผลจะแตกต่างกันไปตามตัวเลือกที่เลือกไว้สำหรับการตั้งค่าแบบกำหนดเอง b2 [ระดับ EV สำหรับควบคุมค่าแสง]):

การแสดงผล

เลือก [1/3 สต็อป] ไว้สำหรับ [ระดับ EV สำหรับควบคุมค่าแสง]

ค่าแสงที่ดีที่สุด

เปิดรับแสงน้อยเกินไปราว 1/3 EV

เปิดรับแสงมากเกินไปเกินราว 3 1/3 EV

แผงควบคุมด้านบน

ช่องมองภาพ

  • ทิศทางของสัญลักษณ์แสดงค่าแสงสามารถกลับด้านได้โดยใช้การตั้งค่าแบบกำหนดเอง f9 [แสดงค่ากลับด้าน]

การเตือนค่าแสง

หน้าจอจะกะพริบหากการตั้งค่าที่เลือกเกินขีดจำกัดของระบบวัดแสงหรือเกินขีดจำกัดค่าแสงสำหรับไลฟ์วิว

การเปิดรับแสงเป็นเวลานาน (โหมด M เท่านั้น)

กล้องมีสองตัวเลือกสำหรับการเปิดรับแสงเป็นเวลานาน: “Bulb” (การเปิดชัตเตอร์ค้าง) และ “Time” (เวลา) การเปิดรับแสงเป็นเวลานานสามารถใช้สำหรับถ่ายภาพดอกไม้ไฟ, ทิวทัศน์ยามค่ำคืน, ดวงดาว หรือการเคลื่อนที่ของแสงไฟ

การถ่ายภาพค่าแสง 35 วินาทีที่ความไวชัตเตอร์เป็น “Bulb” (การเปิดชัตเตอร์ค้าง) และค่ารูรับแสง f/25

ความไวชัตเตอร์

คำอธิบาย

Bulb (การเปิดชัตเตอร์ค้าง)

การเปิดชัตเตอร์ค้างไว้ในขณะที่กดปุ่มกดชัตเตอร์ลงค้างไว้

Time (เวลา)

กล้องจะเริ่มถ่ายภาพเมื่อกดปุ่มกดชัตเตอร์และจะสิ้นสุดเมื่อกดปุ่มนี้เป็นครั้งที่สอง

  • เพื่อป้องกันไม่ให้ภาพพร่ามัว โปรดใช้ขาตั้งกล้องหรือใช้รีโมตคอนโทรลแบบไร้สาย หรือสายลั่นชัตเตอร์ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมที่สามารถใช้ลั่นชัตเตอร์จากระยะไกลได้

  1. รักษากล้องให้นิ่ง เช่น ใช้ขาตั้งกล้อง

  2. กดปุ่ม I ค้างไว้แล้วหมุนแป้นหมุนเลือกคำสั่งหลักเพื่อเลือกโหมด M

  3. หมุนแป้นหมุนเลือกคำสั่งหลักเพื่อเลือกความไวชัตเตอร์ A (“Bulb” (การเปิดชัตเตอร์ค้าง)) หรือ % (“Time” (เวลา))

    โปรดทราบว่าสัญลักษณ์แสดงค่าแสงจะไม่แสดงที่ความไวชัตเตอร์ A หรือ %

  4. โฟกัสและเริ่มถ่ายภาพ

    • “Bulb” (การเปิดชัตเตอร์ค้าง): กดปุ่มกดชัตเตอร์ลงจนสุดเพื่อเริ่มถ่ายภาพ กดปุ่มกดชัตเตอร์ค้างไว้ระหว่างการถ่ายภาพ

    • “Time” (เวลา): กดปุ่มกดชัตเตอร์ลงจนสุดเพื่อเริ่มถ่ายภาพ

  5. สิ้นสุดการถ่ายภาพ

    • “Bulb” (การเปิดชัตเตอร์ค้าง): ยกนิ้วของท่านออกจากปุ่มกดชัตเตอร์

    • “Time” (เวลา): กดปุ่มกดชัตเตอร์ลงจนสุดเป็นครั้งที่สอง

การเปิดรับแสงเป็นเวลานาน
  • เพื่อป้องกันไม่ให้แสงที่เข้าทางช่องมองภาพปรากฏในภาพถ่ายหรือไปรบกวนการถ่ายภาพ ให้ยกก้านตัวเปิดปิดช่องมองภาพขึ้นเพื่อปิดตัวเปิดปิดช่องมองภาพก่อนที่จะกดปุ่มกดชัตเตอร์เพื่อเริ่มถ่ายภาพ ( ตัวเปิดปิดช่องมองภาพ )

  • โปรดทราบว่าอาจเกิด “สัญญาณรบกวน” (จุดสว่าง, จุดพิกเซลสว่างแสดงสัญญาณรบกวน หรือฝ้า) จากการเปิดรับแสงเป็นเวลานาน

  • สามารถลดจุดสว่างและฝ้าโดยเลือก [เปิด] สำหรับ [ลดน้อยซ์เมื่อเปิดรับแสงนาน] ในเมนูถ่ายภาพ

  • Nikon ขอแนะนำให้ใช้แบตเตอรี่ที่ชาร์จไว้เต็มแล้ว หรืออะแดปเตอร์ AC และปลั๊กต่ออะแดปเตอร์ AC ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริม เพื่อป้องกันไม่ให้สูญเสียพลังงานระหว่างการเปิดรับแสงเป็นเวลานาน

ล็อคความไวชัตเตอร์และรูรับแสง

ท่านสามารถล็อคความไวชัตเตอร์ (โหมด S), รูรับแสง (โหมด A) หรือทั้งความไวชัตเตอร์และรูรับแสง (โหมด M)

ไม่สามารถล็อคความไวชัตเตอร์และรูรับแสงได้ในโหมด P

  1. กำหนด [ล็อคความไวชัตเตอร์และรูรับแสง] ให้กับปุ่มควบคุมโดยใช้การตั้งค่าแบบกำหนดเอง f3 [กำหนดการควบคุมเอง]

  2. ล็อคความไวชัตเตอร์และ/หรือรูรับแสง

    ความไวชัตเตอร์:

    • หลังจากตรวจสอบว่ากล้องอยู่ในโหมด S หรือ M ให้กดปุ่มควบคุมที่กำหนดให้เป็น [ล็อคความไวชัตเตอร์และรูรับแสง] แล้วหมุนแป้นหมุนเลือกคำสั่งหลักจนกระทั่งสัญลักษณ์ P (ล็อคความไวชัตเตอร์) ปรากฏขึ้นในช่องมองภาพและแผงควบคุมด้านบน

    • หากต้องการปลดล็อคความไวชัตเตอร์ ให้กดปุ่มควบคุมที่กำหนดให้เป็น [ล็อคความไวชัตเตอร์และรูรับแสง] แล้วหมุนแป้นหมุนเลือกคำสั่งหลักจนกระทั่งสัญลักษณ์ P หายไป

    รูรับแสง:

    • หลังจากตรวจสอบว่ากล้องอยู่ในโหมด A หรือ M ให้กดปุ่มควบคุมที่กำหนดให้เป็น [ล็อคความไวชัตเตอร์และรูรับแสง] แล้วหมุนแป้นหมุนเลือกคำสั่งย่อยจนกระทั่งสัญลักษณ์ P (ล็อครูรับแสง) ปรากฏขึ้นในช่องมองภาพและแผงควบคุมด้านบน

    • หากต้องการปลดล็อครูรับแสง ให้กดปุ่มควบคุมที่กำหนดให้เป็น [ล็อคความไวชัตเตอร์และรูรับแสง] แล้วหมุนแป้นหมุนเลือกคำสั่งย่อยจนกระทั่งสัญลักษณ์ P หายไป

การล็อคค่าแสงอัตโนมัติ

ใช้การล็อคค่าแสงอัตโนมัติเพื่อจัดองค์ประกอบภาพหลังจากการตั้งค่าค่าแสงสำหรับพื้นที่เฉพาะของวัตถุ การล็อคค่าแสงจะมีประโยชน์เมื่อบริเวณที่ใช้ตั้งค่าค่าแสงมีความสว่างหรือมืดกว่าสภาพแวดล้อมมาก

  1. เลือก [วัดแสงเน้นกลางภาพ] หรือ [วัดแสงเฉพาะจุด] ( เลือกวิธีวัดค่าแสงของกล้อง )

  2. เมื่อตำแหน่งของวัตถุอยู่ในจุดโฟกัสที่เลือกไว้และกดปุ่มกดชัตเตอร์ลงครึ่งหนึ่ง ให้กดปุ่มเลือกคำสั่งย่อยตรงกลางเพื่อล็อคค่าแสง
    • ในขณะที่กดปุ่มเลือกคำสั่งย่อยตรงกลาง ค่าแสงจะล็อคที่ค่าแสงที่วัดได้ในพื้นที่ของวัตถุที่กำหนดโดยตัวเลือกระบบวัดแสงที่เลือกไว้

    • สัญลักษณ์ AE‑L จะแสดงขึ้นในช่องมองภาพ

    • หากท่านใช้โฟกัสอัตโนมัติ ท่านควรตรวจสอบด้วยว่าสัญลักษณ์แสดงว่าอยู่ในโฟกัส (I) แสดงขึ้น

  3. กดปุ่มเลือกคำสั่งย่อยตรงกลางค้างไว้ จัดองค์ประกอบภาพใหม่แล้วถ่ายภาพ

การล็อคค่าแสงด้วยปุ่มกดชัตเตอร์

หากเลือก [เปิด (กดลงครึ่งหนึ่ง)] ไว้สำหรับการตั้งค่าแบบกำหนดเอง c1 [ล็อค AE เมื่อกดชัตเตอร์] ค่าแสงจะล็อคในขณะที่กดปุ่มกดชัตเตอร์ลงครึ่งหนึ่ง

พื้นที่วัดแสง
  • ใน [วัดแสงเฉพาะจุด] ค่าแสงจะล็อคไว้เป็นค่าที่วัดได้ในวงกลมที่อยู่ตรงกลางของจุดโฟกัสปัจจุบันที่เลือกไว้ ( เลือกวิธีวัดค่าแสงของกล้อง )

  • ใน [วัดแสงเน้นกลางภาพ] ค่าแสงจะล็อคไว้เป็นค่าที่วัดได้ในวงกลมขนาด 12 มม. ที่จุดกึ่งกลางของช่องมองภาพ

การปรับความไวชัตเตอร์และรูรับแสง

สามารถปรับการตั้งค่าต่อไปนี้ได้ขณะที่กดปุ่มเลือกคำสั่งย่อยตรงกลาง:

โหมด

การตั้งค่า

P

ความไวชัตเตอร์และรูรับแสง (โปรแกรมแบบยืดหยุ่น; โปรแกรมแบบยืดหยุ่น )

S

ความไวชัตเตอร์

A

รูรับแสง

  • สามารถตรวจสอบค่าใหม่ได้ในช่องมองภาพและแผงควบคุมด้านบน

  • ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเลือกที่เลือกไว้สำหรับระบบวัดแสงได้ขณะที่กำลังใช้การล็อคค่าแสง

การชดเชยแสง

การชดเชยแสงจะใช้เพื่อปรับค่าแสงให้ต่างจากที่กล้องแนะนำ สามารถใช้เพื่อทำให้ภาพสว่างขึ้นหรือมืดลง ซึ่งจะได้ผลดีที่สุดเมื่อใช้กับ [วัดแสงเฉพาะจุด] หรือ [วัดแสงเน้นกลางภาพ] ( เลือกวิธีวัดค่าแสงของกล้อง )

–1 EV

ไม่มีการชดเชยแสง

+1 EV

การปรับการชดเชยแสง

กดปุ่ม E ค้างไว้แล้วหมุนแป้นหมุนเลือกคำสั่งหลัก

  • ค่าที่เลือกไว้จะปรากฏขึ้นในช่องมองภาพและแผงควบคุมด้านบน

  • เลือกค่าระหว่าง –5 EV (เปิดรับแสงน้อยเกินไป) ถึง +5 EV (เปิดรับแสงมากเกินไป)

  • ตามค่าที่ตั้งจากโรงงาน จะเปลี่ยนได้ครั้งละ 1/3 EV ระดับการเพิ่มสามารถเปลี่ยนได้โดยการใช้การตั้งค่าแบบกำหนดเอง b3 [ระดับการชดเชยค่าแฟลช/ค่าแสง]

  • โดยทั่วไป ค่าบวกจะทำให้วัตถุสว่างขึ้นและค่าลบจะทำให้วัตถุมืดลง

  • ค่าปัจจุบันจะแสดงขึ้นในช่องมองภาพและแผงควบคุมด้านบนเมื่อกดปุ่ม E

    การแสดงผล

    ไม่มีการชดเชยแสง (กดปุ่ม E)

    –0.3 EV

    +2 EV

    แผงควบคุมด้านบน

    ช่องมองภาพ

  • สัญลักษณ์ E และสัญลักษณ์แสดงค่าแสงปรากฏในช่องมองภาพและแผงควบคุมด้านบน ในโหมดอื่นนอกเหนือจาก M ค่าศูนย์ (“0”) ตรงกลางสัญลักษณ์แสดงค่าแสงจะกะพริบ

  • สามารถเรียกคืนค่าแสงปกติได้โดยการตั้งค่าการชดเชยแสงเป็น ±0.0 กล้องจะไม่รีเซ็ตการชดเชยแสงเมื่อปิดการทำงานของกล้อง

โหมด M

ในโหมด M การชดเชยแสงจะมีผลต่อสัญลักษณ์แสดงค่าแสงเท่านั้น; ความไวชัตเตอร์และรูรับแสงจะไม่เปลี่ยนแปลง

การใช้แฟลช

เมื่อใช้แฟลชเสริมภายนอก การชดเชยแสงจะมีผลต่อทั้งระดับแฟลชและค่าแสง เปลี่ยนความสว่างของวัตถุหลักและพื้นหลัง; หากต้องการ สามารถจำกัดให้มีผลกับพื้นหลังโดยใช้การตั้งค่าแบบกำหนดเอง e3 [การชดเชยแสงเมื่อใช้แฟลช]